การตรวจหาสาเหตุและรักษาภาวะมีบุตรยาก
ภาวะมีบุตรยาก หมายถึง การที่คู่สมรสคู่หนึ่งไม่สามารถมีบุตรด้วยวิธีธรรมชาติได้ภายใน 1 ปี
โดยที่พยายามมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ และไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีใดๆเลย
โดยจากการศึกษารวบรวมสถิติพบว่า สาเหตุการมีบุตรยากอาจเกิดจาก
1.ปัจจัยด้านฝ่ายชายประมาณ 20-30 % เช่น มีปัญหาด้านฮอร์โมนผิดปกติ มีประวัติการเคยติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หรือการใช้สารเคมีหรือสารเสพติดเช่น ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่
2. ปัจจัยด้านฝ่ายหญิง พบได้ประมาณ 40-55% เช่น ปัจจัยด้านอายุ ไข่เหลือน้อย มีความผิดปกติทางด้านโครงสร้างของมดลูก รังไข่ ท่อนำไข่ เคยมีประวัติติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ประวัติการเคยผ่าตัดรังไข่เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
3. ปัจจัยที่เกิดจากทั้งด้านชายและหญิง พบได้ประมาณ 10-40% เช่น ฝ่ายชายมีน้ำเชื้อน้อย ไม่ว่ายรูปร่างหน้าตาอสุจิผิดปกติ และฝ่ายหญิงเองก็มีปัญหาด้านรังไข่ เช่น ไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือ มีไข่เหลือน้อย เป็นต้น
4. ปัจจัยที่หาสาเหตุไม่พบ พบได้ประมาณ 10-20 % คือทั้งฝ่ายหญิงและชายแข็งแรงดี มีไข่ตกปกติทุกเดือน น้ำเชื้อปกติ ท่อนำไข่ไม่ตีบตัน เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่แพทย์ผู้ทำการรักษาจะต้องทำการตรวจหาสาเหตุเบื้องต้นก่อนที่จะทำการรักษาต่อไป
การตรวจน้ำเชื้อและการเตรียมตัว
แนะนำให้งดการหลั่งน้ำเชื้อ หรือ งดการมีเพศสัมพันธ์ อย่างน้อย 2-7 วันก่อนทำการตรวจ
เพราะหากเพิ่งหลั่งไป อาจตรวจได้ว่ามีน้ำเชื้อน้อย
แต่หากงดหลั่งเป็นเวลานาน อาจมีตัวอสุจิตายเป็นปริมาณมาก
ทำให้ผลการตรวจไม่น่าเชื่อถือ การเก็บน้ำเชื้อเพื่อนำมาตรวจจะให้ฝ่ายชายเก็บโดยวิธีช่วยเหลือตัวเอง
โดยมีห้องที่เป็นส่วนตัว มิดชิดเตรียมไว้ให้ โดยเก็บใส่ภาชนะสะอาดที่เตรียมไว้
หลีกเลี่ยงการทำหก ไม่นำถุงยางมาเก็บเพราะมีสารเคมีที่จะทำให้อสุจิตาย
หากเก็บมาจากบ้านให้นำส่งที่อุณหภูมิห้องปกติ ไม่ต้องแช่เย็น และนำส่งภายใน 30 นาที – 1 ชั่วโมง
การฉีดสีท่อนำไข่ (Hysterosalpingography)
เป็นหัตถการที่ใช้ในการวินิจฉัยภาวะท่อนำไข่ตีบตัน
และอาจใช้ช่วยดูโครงสร้างของโพรงมดลูก (Uterine anomaly)
หรือความผิดปกติอื่นๆในโพรงมดลูกเช่น ติ่งเนื้อ (endometrial polyps)
หรือเนื้องอกในโพรงมดลูก (submucous myoma)
ภาวะผังผืดในโพรงมดลูก (Asherman syndrome)
อันเกิดจากการเคยขูดมดลูกหรือผ่าตัดในโพรงมดลูกต่างๆ
เป็นหัตถการที่มีความลุกล้ำสูง (Invasive procedure)
มีความเสี่ยงและโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างเช่น
มดลูกทะลุ มดลูกติดเชื้อ ติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ติดเชื้อที่รังไข่
จึงเป็นหัตถการในดุลยพินิจของแพทย์ที่จะสั่งตรวจ
และส่งตรวจในสถานพยาบาลที่มีความพร้อมและรังสีแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปฉีดสีคือ ช่วงหลังหมดประจำเดือนใหม่ๆ (เพราะจะใส่เครื่องมือง่ายและมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ในเดือนนั้นๆ)
โดยนับแล้ว วันที่ไปฉีดสีไม่ควรเกินวันที่ 12 ของรอบเดือนนับจากประจำเดือนวันแรก
ควรงดเพศสัมพันธ์ 1 วันก่อนไปฉีดสี และ 2 สัปดาห์หลังฉีดสีแล้ว
หากคนไข้มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อในมดลูกหรือรังไข่ เช่น
มีภาวะช็อคโกแลตซิสต์ (Endometrioma or endometriosis)
แพทย์อาจพิจารณาจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
โดยเริ่มทานเย็นก่อนฉีดสี และทานติดต่อไปจนครบ 5 วัน
อาจทานยาแก้ปวดพวก paracetamol หรือ ponstan ก่อนฉีดสี 30 นาที เพื่อลดอาการปวดท้องได้
อาการผิดปกติหลังการฉีดสีที่ควรรีบไปพบแพทย์คือ ปวดท้องน้อยมาก มีไข้ ตกขาว กลิ่นเหม็น หรือมีเลือดออกผิดปกติ
ราคาโปรโมชั่น
- หญิง: 3,100 บาท
- ชาย: 2,400 บาท
การเตรียมตัวก่อนเข้าตรวจประเมินเบื้องต้น
- งดเพศสัมพันธ์ 2–7 วัน ก่อนมาตรวจ เพื่อให้สามารถเก็บน้ำเชื้อวิเคราะห์อสุจิ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดสูรา ของมึนเมาก่อนพบแพทย์
- ผู้หญิง บางโรงพยาบาล ไม่ควรตรวจช่วงมีประจำเดือน เพราะต้องมีการตรวจภายใน มะเร็งปากมดลูก และอัลตราซาวน์
- หากมีผลเลือด ผลการรักษาอื่น ๆ นำมาด้วย
- นัดหมายก่อนเข้าตรวจ ล่วงหน้า
- ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนพบแพทย์
ปรึกษามีบุตรยาก
- นัดหมายตรวจวันจันทร์–ศุกร์ มารับบัตร 16.30–17.00 น.
- นัดหมายตรวจวันเสาร์–อาทิตย์ มารับบัตร 8.30–9.00 น.
เนื่องจากการตรวจน้ำเชื้อต้องใช้เวลาต่อนข้างนานค่ะ
Note:
- คู่สมรสควรมาตรวจพร้อมกัน เนื่องจากการแปลผลตรวจต้องใช้ข้อมูลทั้ง 2 ฝ่ายในการประกอบการวินิจฉัย
- ในบางขั้นตอนต้องอาศัยน้ำเชื้อ ของจริงในการตรวจ ทางโรงพยาบาลจะแจ้งรายละเอียดในวันที่นัดรับบริการอีกทีค่ะ