กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว
(In vitro fertilization-IVF/ Intracytoplasmic sperm injection-ICSI)
IVF หรือ ICSI คืออะไร ใช่ GIFT ไหม เคยได้ยินบ่อยๆ คนไทยชอบพูด ไปทำกิ๊ฟ
GIFT ย่อมาจาก Gamete intrafallopian transfer
คือการนำเซลล์สืบพันธุ์ซึ่งก็คือ ไข่ กับ อสุจิ ฉีดกลับเข้าไปภายในท่อนำไข่ของฝ่ายหญิง
ดังนั้นการปฏิสนธิจึงยังเกิดภายในร่างกายของมนุษย์
เนื่องจากแต่ก่อนนักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีความรู้ความชำนาญในการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนนอกร่างกายเช่นในปัจจุบัน
มักใช้ในรายที่ฝ่ายชายมีอสุจิน้อยหรือไม่ค่อยว่าย ปัจจุบันไม่มีการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวแล้ว
ZIFT ย่อมาจาก Zygote intrafallopian transfer
เป็นกระบวนการที่คล้ายคลึงกับ GIFT แต่พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นคือ
การนำตัวอ่อนระยะ Zygote ซึ่งเกิดจากการปฏิสนธินอกร่างกายของไข่กับอสุจิแล้วฉีดกลับไข่ไปในท่อนำไข่ด้วยวิธีการผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic surgery)
ปัจจุบันก็ไม่มีการรักษาด้วยกระบวนการ ZIFT แล้วเช่นกัน
เนื่องจากเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จึงนำมาสู่กระบวนการ In vitro fertilization (IVF) นั่นเอง
IVF ย่อมาจาก In vitro fertilization; in vitro หมายถึง ในหลอดทดลอง fertilization คือการปฏิสนธิ
โดยรวมจึงหมายถึง เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์
โดยการนำเซลล์สืบพันธุ์คือ เซลล์ไข่และอสุจิ มาปฏิสนธินอกร่างกายในหลอดทดลอง
โดยปล่อยให้อสุจิผสมกับไข่เองเหมือนในธรรมชาติ และย้ายตัวอ่อนกลับคืนเข้าสู่โพรงมดลูกในระยะเวลาที่เหมาะสม
โดยวิธี IVF นี้ประสบความสำเร็จครั้งแรกในโลกที่ประเทศอังกฤษ
โดยสามารถให้กำเนิดทารกคนแรกในโลกชื่อ Louise Joy Brown ในวันที่ 25 กรกฎาคม ปี 1978
ในปี 1991 กระบวนการ ICSI ก็ประสบความสำเร็จโดยมีการให้กำเนิดทารกคนแรกจากกระบวนการนี้
กระบวนการ ICSI ย่อมาจาก Intracytoplasmic sperm injection
คือการใช้เข็มขนาดเล็กที่มีอสุจิบรรจุอยู่ แทงเข้าไปในของเหลวของเซลล์ไข่ และทิ้งอสุจินั้นไว้ในไข่
จากนั้นเพาะเลี้ยงเซลล์ดังกล่าวภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การปฏิสนธิและการแบ่งเซลล์
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ก็ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นในปี 1993
มีทารกที่เกิดจากกระบวนการ IVF ที่นำอสุจิจากมากระบวนการเจาะอัณฑะ (testicular sperm extraction)
ในปี 1997 มีทารกที่เกิดจากกระบวนการใช้เซลล์ไข่แช่แข็ง
ปี 2001 มีการใช้เทคโนโลยีตรวจคัดกรองพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (PGD)
เพื่อเลือกตัวอ่อนที่มี HLA match เพื่อใช้ในกระบวนการช่วยรักษาโรค
และในปี 2004 มีการให้กำเนิดทารกจากการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อรังไข่แช่แข็งกลับคืนสู่คนไข้รายเดิมได้สำเร็จ
จะเห็นได้ว่ากระบวนการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์
ไม่เพียงแต่จำช่วยคู่สมรสในรายที่มีปัญหาเช่น ท่อนำไข่ตัน หรือ อสุจิผิดปกติเท่านั้น
แต่ก็ยังมีประโยชน์ทางการแพทย์อื่นๆเช่น
ตรวจคัดกรองโครโมโซมของตัวอ่อนในรายที่มีโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรม
เช่น โรคฮีโมฟิเลีย โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย และ
ในบางรายที่ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงเป็นมะเร็งบางชนิด
ที่ต้องมีกระบวนการรักษาโดยการฉายแสงหรือเคมีบำบัด
ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการทำลายรังไข่หรืออัณฑะจนไม่มีเซลล์สืบพันธุ์หลงเหลือ
เทคนิคในการแช่แข็งเซลล์สืบพันธุ์ เช่น แช่แข็งอสุจิ แช่แข็งเซลล์ไข่ หรือ เนื้อเยื่อรังไข่จึงได้รับการพัฒนาขึ้น
ใครเหมาะกับกระบวนการ ICSI
- ฝ่ายหญิง
มีปัญหาท่อนำไข่ตัน เคยผ่าตัดท่อนำไข่ เคยทำหมันหญิง
มีอายุมาก ไข่ตั้งต้นเหลือน้อย กระตุ้นไข่ยาก
ไข่ไม่ตกเรื้อรัง
เคยผ่าตัดรังไข่ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
ทำ IUI ล้มเหลวหลายครั้ง
- ฝ่ายชาย
มีปัญหาอสุจิ มีปริมาณน้อย ไม่ค่อยว่าย รูปร่างหน้าตาผิดปกติ
มีท่อนำอสุจิตัน หรือไม่มีท่อนำอสุจิแต่กำเนิด
- ทั้งชายและหญิง
มีโรคทางพันธุกรรม ต้องการตรวจคัดกรองตัวอ่อนก่อนการฝังตัว
มีปัญหาทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงร่วมกัน
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา
- ปรึกษาเตรียมความพร้อม ซักประวัติตรวจร่างกายโดยแพทย์
- เจาะเลือดเตรียมความพร้อม ตรวจวิเคราะห์อสุจิ
- ตรวจความพร้อมของเอกสาร เช่น ทะเบียนสมรส
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ฝ่ายหญิง รับประทาน Folic acid 1 เดือนก่อนตั้งครรภ์
- งดเหล้า บุหรี่ สารเสพติด ก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษา
Credit Photos : Baby vector created by macrovector - www.freepik.com